วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

ฝึกพูดภาษาอังกฤษด้วยตัวเองได้คร้า


วิธีฝึกพูดภาษาอังกฤษโดยไม่มีครูสอน
เราทุกคนรู้ว่าทุกภาษามีอยู่ 4 ทักษะ คือ ฟัง-พูด-อ่าน-เขียน และถ้าเป็นการเรียนภาษาแม่อย่างคนไทยเรียนภาษาไทย เราก็จะฝึกทั้ง 4 ทักษะไปพร้อม ๆ กัน คนไทยทุกคนจึงฟัง-พูด-อ่าน-เขียน ภาษาไทยได้แม้ว่าจะเก่งไม่เท่ากันก็ตาม
ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อเราเรียนภาษาอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษาอังกฤษที่เรากำลังพูดกันอยู่นี่แหละครับ ก็คือว่า ในแต่ละทักษะ ฟัง-พูด-อ่าน-เขียน นี้เราคนหนึ่ง ๆ นี้มีโอกาสฝึกแต่ละทักษะไม่เท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นการฝึกในห้องเรียนหรือนอกห้องเรียน ผมขอยกตัวอย่างทีละคู่นะครับ
คู่ที่ 1 คือฝึกอ่านกับฟัง
อ่านกับฟังเป็น passive skill คือศึกษาได้โดยไม่ต้องมีคนอื่นประกบ ท่านเพียงมีหนังสือ 1 เล่ม หรือ CD 1 แผ่น แค่นี้ก็พอแล้วที่จะฝึกอ่านฝึกฟัง ที่ดียิ่งไปกว่านี้ก็คือ ท่านสามารถเช็คผลการอ่านหรือการฟังได้ด้วยตัวเองทันทีเลยว่า ท่านฝึกสำเร็จหรือไม่ คือถ้าอ่านหรือฟังรู้เรื่อง-เข้าใจ ก็ถือว่าสำเร็จ ง่าย ๆ แค่นี้เอง และการฝึกก็สะดวกมาก เพียงแค่พกติดตัวหนังสือเล่มนึง หรือเครื่องเล่น mp3 เครื่องหนึ่ง ก็สามารถฝึกอ่านฝึกฟังที่ไหนก็ได้ เมื่อไหร่ก็ได้ ด้วยสาเหตุนี้กระมังที่ผมได้รับคำถามน้อยมากเกี่ยวกับการอ่านและการฟัง เพราะทุกท่านสามารถฝึกเองได้อยู่แล้ว (ถ้าตั้งใจจะฝึก)
คู่ที่ 2 ฝึกการพูดและการเขียน
ผมได้รับคำถามเรื่องการพูด & เขียนมากกว่า การอ่าน & การฟัง ถ้าจะให้หาสาเหตุก็คงจะตรงกันข้ามกับคู่ที่ 1 คือ การพูดและการเขียนเป็น active skill โดยทั่วไปท่านต้องมี partner คือคนที่มาฟังท่านพูด และอ่านสิ่งที่ท่านเขียน และสำหรับคนไทยที่ฝึกภาษาอังกฤษ เราก็มักหวังในคน ๆ นั้นเป็น ครูยิ่งเป็น ครูฝรั่งยิ่งดี จะได้ช่วยสอนเราว่า ควรจะพูดยังไง เขียนยังไง และถ้าเราพูดผิด เขียนผิด ก็ช่วยแก้ไขให้ด้วย เราไม่แน่ใจในวิธีการฝึกพูดคนเดียว หรือเขียนลงสมุดเก็บไว้อ่านคนเดียว เพราะเราไม่แน่ใจว่า ถ้าต้องพูดกับคนจริง ๆ เขาจะฟังเราพูดรู้เรื่องหรือเปล่า หรือสิ่งที่เราเขียนถ้าคนอื่นอ่านมันจะตลกหรือเปล่า
เรื่องการ
พูดภาษาอังกฤษให้ได้ผลนี้ เราจะลืมเรื่องการอ่านและการฟังไม่ได้เด็ดขาด การอ่านทำให้เรารู้สำนวน และการฟังทำให้เรารู้สำเนียง ทั้งสำนวนและสำเนียงที่ค่อย ๆ สะสมไว้นี้จะเป็นพื้นฐานที่ดีมากเมื่อเราฝึกพูด การฝึกพูดที่จะเอาแต่พูด พูด พูดแต่ไม่สนใจเรื่องฝึกฟังและฝึกอ่าน ไปได้ไม่ไกลหรอกครับ และใน Blog นี้ก็แนะนำเว็บไซต์มากพอสมควรสำหรับฝึกอ่านและฝึกฟัง คลิกที่นี่ครับ รวมเว็บฝึกอ่าน *** รวมเว็บฝึกฟัง ***รวมเว็บดูวีดิโอ
 “
วิธีฝึกพูดภาษาอังกฤษโดยไม่มีครูสอนขอแนะดังนี้คะ
[1]. ใช้วิธี play – pause – repeat:คือการใช้เครื่องเล่น MP3 โดย 
play – pause – repeat เล่น-หยุด-พูดตาม เราฟังแล้วหยุดแล้วออกเสียงตาม
[2]. ใช้วิธี think – talk: คือฝึกพูดกับ partner ในจินตนาการ ให้เราคิดวางแผนว่า เราจะพูดรื่องอะไร มีเนื้อหาอย่างไร พูดกับใคร นานกี่นาที อาจจะเตรียมเขียนสิ่งที่จะพูดลงกระดาษไว้เลยก็ได้ พอถึงเวลาก็นั่งลง - จับเวลา และสร้างจินตนาการว่าคนที่เราพูดด้วย หรือคนที่เราจะพูดให้ฟังนั่งอยู่ข้างหน้า เราอาจจะ start ด้วยตั้งใจว่าจะต้องพูดให้ได้ครบ 5 นาที และก็ต้องทำให้ได้ ต่อไปอาจเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนถึง 10 นาที, ฝึกพูดช้า ๆ ชัด ๆ
หัวข้อการฝึกพูด[ต้องได้พูดถึงจะ พูดได้’]
[3]. ใช้วิธี English phone conversation: ท่านลองนัดแนะกับเพื่อนที่รู้ใจว่า จะช่วยกันพัฒนา conversation skill โดยการสนทนาภาษาอังกฤษทางโทรศัพท์ ทำไมต้องสนทนาทางโทรศัพท์ เพราะว่าคู่สนทนาจะได้พูดให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้เรื่อง และขณะเดียวกันก็ต้องมีสมาธิเงี่ยหูฟังสิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งพูด จึงเป็นการฝึกทั้ง speaking และ listening skill โดยไม่ต้องอ่านภาษาหน้าหรือภาษาท่าท่าง การที่พูดกันต่อหน้าด้วยภาษาอังกฤษและเราเข้าใจ มันอาจจะเป็นความเข้าใจที่บวกกับการอ่านสีหน้าและท่าทาง แต่ถ้าคุยกันทางโทรศัพท์เราจะรู้ว่า เราพูดให้เพื่อนรู้เรื่องได้หรือเปล่า หรือเราสามารถฟังเพื่อนพูดรู้เรื่องหรือเปล่า ทั้งนี้เราอาจจะตกลงหัวข้อการพูดโดยเจาะจงไว้ก่อน ข้อสำคัญที่สุดของการฝึกวิธีนี้ก็คือ 1)ต้องพูดให้ครบตามเวลาที่ตกลงกันไว้ และ 2)ห้ามแทรกภาษาไทยระหว่างการพูดเด็ดขาด ยกเว้นชื่อเฉพาะ
[4]. รวบรวม stock sentence ที่ต้องใช้บ่อย: ถ้าท่านต้องพูดภาษาอังกฤษ แต่ประโยคที่ใช้พูดซ้ำ ๆ กันเป็นส่วนใหญ่ อย่างนี้ง่ายครับ ท่านก็พยายามรวบรวมประโยคเหล่านี้ไว้ให้หมด แปลเป็นภาษาไทย ฝึกพูดให้คล่อง ที่ลิงค์นี้มีตัวอย่างให้ท่านศึกษามากพอสมควร
[5]. สุดท้าย ร้องเพลงฝรั่ง: เรื่องนี้ผมแนะได้ แต่ทำเองไม่ได้ เพราะไม่ถนัดเอาจริง ๆ เลย แต่ผมเชื่อว่าวิธีฝึกพูดภาษาอังกฤษแบบนี้หลายคนใช้ได้ผล เลยเอามาเขียนพ่วงไว้
 ลองมาออกเสียงตามๆด้นะคะ


เป็นอย่างไรบ้างคะ ออกเสียงตามได้มั้ยคะ
ฟังบ่อยๆแล้วออกเสียงตามไปเรื่อยๆนะคะเราก็จะเก่งคร้า สู้ๆนะคะ

การใช้ Tense มีอยู่ 6 ข้อที่เขาใช้กันบ่อยๆในภาษาอังกฤษ  ดังนี้คือ

1. Past simple
ใช้กับเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตและจบลงแล้ว (บอกเวลากว้างๆ เช่น in 1513 หรือ formerly เช่น คำ in the past,those days)
คำศัพท์ที่ตรงข้ามกับ past (คำที่เกิดในปัจจุบัน)
(Adj.) present, current, contemporary, on going etc.

2.Past continuous
ชี้เฉพาะว่าเกิดตอนไหนในอดีต เช่น last night at 8 o’clock…. คำอุทาน เช่น Look! , Listen! , at the moment, For the time being, right now, right away

3.เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกันในอดีต
Past Cont. , Past Cont.(while, As)

4. เหตุการณ์ดำเนินอยู่แล้วอีกเหตุการณ์หนึ่งมาเกิดแทรก
Past Cont. , Past sim (while, when ,…)
(เกิดอยู่)    , ( มาแทรก)

5.เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอดีต
เกิดก่อน Past perfect , เกิดหลัง Past sim

6.เหตุการณ์เกิดขึ้นไม่พร้อมกันในอดีตที่มีความต่อเนื่องทางเวลา
เกิดก่อน Past perfect Cont. , เกิดหลัง Past simple


 ดูวิดีโอนี้เพิ่มเติมนะคะ ตอนที่ 1


ตอนที่ 2 



จบบริบรูณ์แล้วคะ 

เข้าใจมั้ยคร้าสงสัยฝากคำถามไว้ได้นะค ^_^